หน้าหลัก > บล็อก > ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คสำหรับร้านกาแฟ หรือร้านอาหารขนาดเล็ก

ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คสำหรับร้านกาแฟ หรือร้านอาหารขนาดเล็ก

โดย thanaporn.nuchphadung

ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คสำหรับร้านกาแฟ หรือร้านอาหารขนาดเล็ก

ในปัจจุบันการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีบทบาทเพิ่มขึ้น การที่ร้านค้ามีระบบเน็ตเวิร์คเพื่อการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายที่ดีก็จะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างเช่นร้านกาแฟหรือร้านอาหาร สิ่งสำคัญของธุรกิจคือต้องดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้เข้ามา และรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ยังคงอยู่ นอกจากคุณภาพสินค้าที่ดี ปัจจัยการให้บริการก็เป็นสิ่งสำคัญ ตั้งแต่การให้บริการของพนักงานไปจนถึงการให้บริการฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น ระบบเน็ตเวิร์คที่เสถียรและความเร็วสูง เราจะเห็นได้ว่า ตามร้านกาแฟหรือคาเฟ่ต่างๆก็เริ่มมีจุดชาร์จปลั๊กให้พลังงานสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือพนักงาน ที่มาใช้บริการร้านกาแฟเพื่อทำงาน ไม่ใช่เพื่อดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว

 การให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายที่ดีหรือการมีฟีเจอร์ใหม่ๆสำหรับธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้บรรลุทั้งสองกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่และรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไว้ได้  เพราะในปัจจุบันการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีบทบาทในชีวิตประจำวันสูงขึ้นมาก คนส่วนมากจำเป็นต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อสื่อสารออนไลน์ จึงทำให้ร้านค้าหลายร้านเริ่มปรับบทบาทเพิ่มฟีเจอร์หรือลูกเล่นมากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้าให้มากขึ้น

 TP-Link ให้บริการระบบเน็ตเวิร์คที่มีมาตรฐานและค่าใช้จ่ายติดตั้งที่เหมาะสม

 

ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คสำหรับธุรกิจ

ระบบเครือข่ายยังคงเป็นปัญหาสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ที่ไม่ได้มีทีมไอทีที่พร้อมจะซัพพอร์ตได้ตลอดเวลา เนื่องจากความซับซ้อนและยากที่จะเข้าใจ บทความนี้จะบอกถึงข้อควรรู้เบื้องต้นที่คุณควรจะรู้และตรวจสอบก่อนจะติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คใหม่สำหรับธุรกิจของคุณ

การติดตั้งเครือข่ายขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องมี 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ เราเตอร์/ตัวกระจายสัญญาณ (Access Point) และ สวิตซ์ (Switches)

  1. โดยทั่วไปแล้วเมื่อเราติดต่อไปที่ผู้ให้บริการว่าต้องการอินเทอร์เน็ต เรามักได้เราเตอร์ฟรีที่ได้มาจากผู้ให้บริการอยู่แล้ว แต่ ในบางครั้งอาจจะไม่สามารถกระจายอินเทอร์เน็ตได้ทั่วถึง จึงจำเป็นที่จะต้องซื้อตัวกระจายสัญญาณ (Access Point) เพิ่มก็เพื่อให้อินเทอร์เน็ตของคุณมีสัญญาณที่เสถียรมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง Access Point ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการใช้งานแบบองค์กร จะมีฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่าเราเตอร์จากผู้ให้บริการ (เช่น Facebook Check-in , Wi-Fi Ticket เป็นต้น)

    เลือก Access Point แบบไหนดี

    ในปัจจุบันมีย่านความถี่ของ Wi-Fi อยู่ 2 ย่านความถี่ที่ใช้กัน คือ 2.4 GHz และ 5GHz โดยย่านความถี่ 2.4 GHz จะเป็นย่านความถี่เก่า จะมีจำนวนช่องสัญญาณทั้งหมด 11 ช่องสัญญาณ ส่วนย่านความถี่ 5GHz นั้นจะมีช่องสัญญาณประมาณ 24 ช่องสัญญาณ ซึ่งมากกว่าย่านความถี่ 2.4 GHz จึงทำให้การใช้งานแทบจะไม่ทับซ้อนกัน อีกทั้งย่านความถี่ 5GHz สามารถรับ-ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่าย่านความถี่ 2.4 GHz ถึง 3 เท่า โดยในปัจจุบันอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือก็สามารถรองรับการใช้งานในย่าน 5 GHz ได้กันอยู่แล้วจะมีเพียงอุปกรณ์เก่าๆเท่านั้นที่อาจจะรองรับย่านความถี่ 2.4GHz เพียงอย่างเดียว ในการเลือกใช้งาน Access Point จึงขอแนะนำให้คุณเลือกแบบ Dual Band เพื่อรองรับการใช้งานทั้ง 2 ย่านความถี่

    และในส่วนของมาตรฐานของ Wi-Fi ก็ควรเลือกอย่างเหมาะสมซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่ 802.11ax , 802.11ac และ N มาตรฐานล่าสุดที่มีใช้งานก็คือ มาตรฐาน Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax ที่มีเทคโนโลยี OFDMA มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับ-ส่งข้อมูลในระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยี Beamforming ช่วยให้ส่งสัญญาณได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดจุดอับของสัญญาณ และช่วยเพิ่มระยะทางในการส่งและเวลาในการตอบสนองที่ลดลง ลองนึกภาพการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณเป็นชุดของรถบรรทุกส่งของที่ส่งแพ็กเก็ตข้อมูลไปยังอุปกรณ์ของคุณ ด้วย Wi-Fi 802.11ac รถส่งสินค้าแต่ละคันสามารถส่งพัสดุได้ครั้งละหนึ่งชิ้นไปยังอุปกรณ์หนึ่งเครื่องในแต่ละครั้ง แต่ด้วย OFDMA รถบรรทุกแต่ละคันสามารถส่งพัสดุหลายชิ้นไปยังอุปกรณ์หลายเครื่องได้พร้อมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีขึ้นทั้งการอัปโหลดและการดาวน์โหลด

  2. ตรวจสอบจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อทั้งที่ต้องเดินสาย LAN เช่น คอมพิวเตอร์ หรือกล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi เช่น มือถือ , แท็ปเล็ต เพราะพอร์ตที่ได้มาจากเราเตอร์มีจำนวนเพียงแค่ 3-4 พอร์ต ซึ่งไม่มีทางพอถ้าคุณต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ , กล้องวงจรปิด เราจึงจำเป็นต้องมี Switch มาช่วยทำหน้าที่นี้
    Switch คืออุปกรณ์ศูนย์กลางที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่ายให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ จัดการระบบเน็ตเวิร์ค และรองรับการเชื่อมต่อพอร์ตอีเธอร์เน็ตที่มากขึ้น เพื่อขยายการเชื่อมต่อให้ได้มากขึ้น

    หลักการทำงานคือเสียบสาย LAN จากเราเตอร์เข้าที่ Switch จากนั้นเดินสาย LAN จาก Switch ไปยังตัว Access Point ตัวอื่นๆ หรือกล้องวงจรปิดหรืออุปกรณ์อื่นๆที่ต้องการใช้งาน

คุณจำเป็นต้องตรวจสอบพื้นที่ในการติดตั้ง Access Point ของคุณ เพราะพื้นที่ที่มีกระจกจำนวนมาก มีกำแพงหนารอบด้าน หรือมีผนังคอนกรีตหนา จะส่งผลต่อการกระจายสัญญาณของ Wi-Fi เพราะจะทำให้ได้รับสัญญาณที่ดรอปลงเมื่อกระจายสัญญาณผ่านพื้นที่ที่กล่าวมาข้างต้น


 

เราจำเป็นต้องตรวจสอบธุรกิจของเราก่อนว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตรูปแบบใดบ้าง

  1. ดีไซน์ที่ดูดีและทันสมัย รวมทั้งการติดตั้งที่ไม่รุงรังและซับซ้อน
  2. การจัดการที่สะดวกและเหมาะสม สามารถทำได้โดยตัวเจ้าของเอง ไม่จำเป็นต้องมีช่างเทคนิคออนไซต์อยู่ตลอดเวลา
  3. ระบบเน็ตเวิร์คที่จะมอบอินเทอร์เน็ตไร้สายที่ครอบคลุมและเสถียร
  4. เนื่องจากเป็นการใช้งานในระดับธุรกิจ จำเป็นต้องรองรับการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แม้จะมีผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก
  5. 4. มีความปลอดภัย และฟีเจอร์ที่ทันสมัยอื่นๆ
  6. การโรมมิ่งอัตโนมัติในกรณีที่มีตัวใดตัวนึงเสียก็สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้งานเชื่อมต่อตัวอื่นได้ในทันที โดยที่ไม่ทำให้การใช้งานสะดุด



 

(นี่เป็นตัวอย่างระบบเน็ตเวิร์คสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก)
 

ข้อดีของการติดตั้งระบบเน็ตเวิร์คนี้

การโรมมิ่งที่ราบรื่นเพื่อการสตรีมที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

ลูกค้าจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องและเพลิดเพลินกับการสตรีมได้โดยไม่สะดุด อุปกรณ์จะตรวจจับสัญญาณที่ดีที่สุดแล้วเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ หรือในกรณีที่มีตัวใดตัวนึงเสียหรือใช้งานไม่ได้ ระบบจะหาตัวที่ใกล้ที่สุดตัวอื่นแล้วทำการเชื่อมต่อแทน โดยที่คุณจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

การส่งเสริมธุรกิจ

สร้างการเข้าถึงทางการตลาดทันทีเมื่อลูกค้าเชื่อมต่อ Wi-Fi เพิ่มโอกาสทางธุรกิจของคุณผ่านทาง Facebook Check-in
มีไว้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง อย่างเช่นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่จะโฆษณาธุรกิจของคุณหรือลูกค้าท่านนั้นๆเมื่อเชื่อมต่อใช้งาน Wi-Fi เพราะลูกค้าจะต้องทำการ Check-in  ที่ Page Facebook ก่อนจึงจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ถือเป็นการโฆษณาร้านของคุณไปด้วยโดยอัตโนมัติ

 

การจัดการอุปกรณ์ที่ง่ายขึ้น

การจัดการอุปกรณ์ทางเครือข่ายยังคงเป็นปัญหาสำหรับเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากคุณคงไม่สามารถเฝ้าหน้าจอเพื่อจัดการอุปกรณ์ได้ทั้งวัน หรือคงไม่มีเวลามากพอที่จะศึกษาวิธีการใช้งานแบบเชิงลึก แต่ด้วย Omada Controller คุณจะสามารถจัดการ Access Point , Switch และอุปกรณ์อื่นๆ  ของ tp-link ได้รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระบบ AI บน โซลูชั่นระบบคลาวด์อัจฉริยะ Omada SDN Cloud
 

ความปลอดภัยในการใช้งาน

ฟีเจอร์ไฟร์วอลล์ขั้นสูง การป้องกัน DoS การกรอง IP/MAC/URL และฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อช่วยปกป้องเครือข่ายและข้อมูลของคุณในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต

 

สนใจติดต่อ
คลิกเพื่อ ขอใบเสนอราคา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line : @tplink หรือ คลิกที่นี่
Call Center support : 02-440-0029

 

thanaporn.nuchphadung