หน้าหลัก > บล็อก > WiFi 6 VS 5G: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ ความแตกต่างระหว่าง 5G และ WiFi 6 อันไหนดีกว่า?

WiFi 6 VS 5G: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ ความแตกต่างระหว่าง 5G และ WiFi 6 อันไหนดีกว่า?

โดย Jirawan Nainamas

5G และ WiFi 6 เป็นก้าวสำคัญในธุรกิจเชื่อมต่อไร้สาย มีการถกเถียงกันว่า 5G สามารถแทนที่ WiFi 6 ได้หรือไม่ แต่ความจริงก็คือทั้ง 5G และ WiFi 6 สร้างขึ้นจากรากฐานเดียวกันและทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน

สำหรับ Internet of Things (IoT) WiFi 6 และ 5G คือความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมวิธีการใช้อุปกรณ์ IoT เรียกได้ว่า WiFi 6 มีส่วนช่วยประหยัดแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ ในขณะที่ 5G ทำให้การติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะทำได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์พกพา เครื่องใช้ในครัวเรือน และสาธารณูปโภคจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง

เมื่อเราใช้ชีวิตที่บ้าน เราต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุด ทุกที่ ทุกเวลา ในด้านของปัจจัยโครงสร้างอาคาร  สัญญาณ 5G ต้องใช้จุดเชื่อมต่อจำนวนมากและบางครั้งก็ประสบปัญหากับการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียร สาเหตุเกิดจากภายในอาคารที่มักจะมีมุมอับต่างๆ

ในข้อจำกัดนี้ ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ WiFi 6 อาจจะได้รับประสบการณ์การเชื่อมต่อไวไฟที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกิจกรรม สื่อต่างๆ เกมส์หรือสื่อความบันเทิงต่างๆ ที่มีแบนด์วิดท์สูงเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในบ้าน เช่น เกมส์ AR/VR และการสตรีม 4K/8K เพราะ WiFi 6 มีความแตกต่างตรงที่สามารถรองรับชุดอุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่หลากหลายมากขึ้น จึงให้เวลาการทำงานแฝงของสัญญาณที่ต่ำลงและใช้พลังงานน้อยลง ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ IoT สำหรับบ้านอัจฉริยะให้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย

สำหรับในส่วนของ enterprise users หรือผู้ใช้ระดับองค์กร บริษัทหรือองค์กรที่ให้ความสำคัญในการใช้งานอุปกรณ์ไอที มักจะมองหาสัญญาณที่มีประสิทธิภาพเพื่อการใช้งานเครือข่ายในสำนักงานที่ดี ควบคู่กับต้นทุนที่ต่ำที่สุด ซึ่ง WiFi 6 อาจจะตอบโจทย์ตรงข้อนี้มากกว่า เพราะความแรงของสัญญาณ 5G อาจดร็อปความเร็วลง หรือถูกบล็อกโดยอาคารและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ WiFi 6 จึงเหมาะสมกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในพื้นที่สำนักงาน ที่มีการใช้งานทั้งในการเชื่อมต่อพีซี แล็ปท็อป โทรศัพท์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT เมื่อมีการใช้ไวไฟในพื้นที่ที่มีการใช้งานเครื่อข่ายสัญญาณอย่างแออัด เช่น ห้องประชุม เป็นต้น อาจทำให้เกิดปัญหาเครือข่ายไม่ค่อยเสถียรเท่าที่ควร การหันมาใช้ WiFi 6 จะลดความแออัดของสัญญาณ และช่วยเพิ่มความเร็วที่เสถียรมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานอินเอตร์เน็ตได้รับประสบการณ์การใช้งานเต็มประสิทธิภาพ

สรุปคือ WiFi 6 คือเทคโนโลยีสำคัญในการใช้งานเครือข่ายภายในอาคาร (Indoor) และ 5G จะเน้นใช้งานกันเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในที่กลางแจ้งในวงกว้างมากกว่า เพราะสัญญาณส่งได้ไกล แต่ความแรงของสัญญาณอาจไม่เท่ากับ Wifi 6 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า 5G จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเทคโนโลยีอย่างระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ ในขณะเดียวกัน WiFi 6 จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาสู่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูง ท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีสองอย่างนี้จะอยู่ร่วมกันและนำไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาด เราสามารถใช้งานทั้งสองพร้อมๆ กัน ตามแต่สถานการณ์ที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีที่สุดด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดนั่นเอง

Learn more รายละเอียด เยี่ยมชมสินค้าทีพี-ลิงค์ WiFi 6 routers

อ่านบทความเกี่ยวกับ Wifi 6 เพิ่มเติม
ถึงเวลารึยังที่ควรเปลี่ยนมาใช้ WiFi 6

WiFi 5 และ WiFi 6 แตกต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด

Archer AX55

 AX3000 Dual Band Gigabit Wi-Fi 6 Router

  •    Next-Gen Gigabit Wi-Fi 6 Speed—รองรับความเร็ว Wireless 2402 Mbps บนย่านความถี่ 5 GHz และ 574 Mbps บนย่านความถี่ 2.4 GHz ที่จะช่วยให้คุณเล่นอินเตอร์เน็ตได้ไหลลื่น ทั้งดาวน์โหลดและอัพโหลด
  •    Connect More Devices—เทคโนโลยี OFDMA  ช่วยให้ส่งข้อมูลได้เร็วและดีกว่าเดิมถึง 4 เท่า 
  • Ultra-Low Latency —การลดเวลาในการตอบสนองสูงถึง 75% ช่วยให้การเล่นเกมและวิดีโอลื่นไหลขึ้น
  •    Expanded Wi-Fi Coverage—มาพร้อมเสาสัญญาญ 4 เสา และเทคโนโลยี Beamforming ปรับแต่งสัญญาณให้เสถียรและครอบคลุมทั่วทั้งบ้าน
  •    HomeShield – บริการรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงของ TP-Link ช่วยให้เครือข่ายในบ้านของคุณปลอดภัย
  •    Improved Battery Life—Target Wake Time ลดการใช้พลังงาน *ในกรณีที่ไม่มีการใช้ข้อมูล เพื่อให้คุณใช้ประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่
  •   Compatible with Alexa—ควบคุมเราเตอร์ของคุณผ่านคำสั่งเสียงและช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นด้วย  Amazon Alexa

 

Archer AX73

 AX5400 Dual-Band Gigabit Wi-Fi 6 Router

• Gigabit WiFi for 8K Streaming: ความเร็วรวมสูงสุดของ WiFi ที่ 5400 Mbps พร้อมรองรับการส่งสัญญาณแบบ 4×4 ช่องสัญญาณ HT160 สำหรับการเรียกดูสตรีมและดาวน์โหลดที่เร็วขึ้นในเวลาเดียวกัน

 Connect More, Stay Fast: รองรับ MU-MIMO และ OFDMA เพื่อลดความหน่วงในสัญญาณที่มีความแออัด และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4 เท่า

 Extensive Coverage: เสาอากาศ 6 เสาและ มาพร้อมกับเทคโนโลยี Beamforming ที่ให้การส่งสัญญาณที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 Powerful Processing: การประมวลผลที่ทรงพลังด้วย CPU Triple-Core 1.5 GHz รับประกันความน่าเชื่อถือสำหรับประสิทธิภาพสูงสุดของเอาต์พุต     

 HomeShield: บริการรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงของ TP-Link ช่วยให้เครือข่ายในบ้านของคุณปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยสำหรับการป้องกันระบบเครือข่ายและ อุปกรณ์ IoT (Internet of Things)

 More Vents, Less Heat: ปรับปรุงพื้นที่ช่องระบายอากาศเพื่อช่วยลดพลังงานความร้อนของตัวเครื่อง

 USB Sharing: USB 3.0 สำหรับแชร์ไฟล์และสร้างคลาวด์ส่วนตัว

 Easy Setup: ตั้งค่าเราเตอร์ภายในเวลาไม่กี่นาทีด้วยแอป Tether

 

Archer AX72

 AX5400 Dual-Band Gigabit Wi-Fi 6 Router

  • Gigabit WiFi for 8K Streaming –  ความเร็วรวมสูงสุดของ WiFi ที่ 5400 Mbps  เหมาะสมกับทุกการใช้งานทั้งท่องหน้าเว็บไซต์ , การสตรีมมิ่ง และการดาวน์โหลดในเวลาเดียวกัน 5400 Mbps  
  • Fully Featured Wi-Fi 6 – พร้อมรองรับการส่งสัญญาณแบบ 4×4 ช่องสัญญาณ HT160 เพื่อการเชื่อมต่อความเร็วสูงระดับ 4.8 Gbps 
  • Connect 100+ Devices§ – รองรับ MU-MIMO และ OFDMA เพื่อลดความหน่วงในสัญญาณที่มีความแออัด และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4 เท่า‡** 
  • Extensive Coverage –  เสาสัญญาณ 6 เสาและ มาพร้อมกับเทคโนโลยี Beamforming ที่ให้การส่งสัญญาณที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
  • HomeShield – บริการรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงของ TP-Link ช่วยให้เครือข่ายในบ้านของคุณปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยสำหรับการป้องกันระบบเครือข่ายและ อุปกรณ์ IoT (Internet of Things)*
  • More Vents, Less Heat – ปรับปรุงพื้นที่ช่องระบายอากาศเพื่อช่วยลดพลังงานความร้อนของตัวเครื่อง
  • USB Sharing – USB 3.0 สำหรับแชร์ไฟล์และสร้างคลาวด์ส่วนตัว
  • Easy Setup – ตั้งค่าเราเตอร์ภายในเวลาไม่กี่นาทีด้วยแอป Tether

WIFI 6 เราเตอร์ -รุ่นใหม่ๆ อีกเพียบ >> ทีพี-ลิงค์ WiFi 6 routers 

Jirawan Nainamas