กล้องวงจรปิดชนิดที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง (Standalone) จะมีการออกแบบอุปกรณ์ให้รองรับการบันทึกข้อมูลผ่านช่องเสียบ MicroSD เพื่อการบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ที่มีค่าบริการรายเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานหลายท่านอาจพบปัญหาเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล เช่น การ์ดไม่รองรับหรือมีการจัดรูปแบบที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับกล้องได้, กล้องไม่สามารถเขียนทับข้อมูลที่อยู่ในการ์ดได้, หรือข้อมูลในการ์ดเต็มและหยุดการบันทึกข้อมูลลงในการ์ดหน่วยความจำ

บทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกการ์ด MicroSD เพื่อนำมาใช้งานร่วมกับกล้อง และแนะนำวิธีการตรวจสอบการ์ด MicroSD ปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการใช้งาน

รายชื่อการ์ด MicroSD ที่ได้รับการทดสอบแล้วว่ารองรับการใช้งาน

เคล็ดลับในการเลือกซื้อการ์ด MicroSD

วิธีตรวจสอบการ์ด MicroSD ปลอม

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด

รายชื่อการ์ด MicroSD ที่ได้รับการทดสอบแล้วว่ารองรับการใช้งาน

หมายเหตุ:

• ข้อมูลรายการในตารางผลิตภัณฑ์ที่รองรับด้านล่างนี้จะมีเฉพาะอุปกรณ์ที่เราได้ทำการทดสอบแล้ว
• จากการทดสอบของเราพบว่า ADATA (256 GB, A1, V10, SDXC1) และ Samsung (256 GB, EVO plus U3, V30, A2, SDXC1) ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับกล้อง Tapo/Kasa ทุกรุ่น

*ข้อมูลตามตารางที่มีการทำสัญลักษณ์สีเหลืองหมายถึงการ์ดไม่สามารถใช้งานกับกล้อง Kasa ได้ เนื่องจากอุปกรณ์ Kasa รองรับความจุการ์ดสูงถึง 256GB

เคล็ดลับในการเลือกซื้อการ์ด MicroSD

ส่วนสำคัญในการเลือกซื้อการ์ด MicroSD ควรพิจารณาจาก:

1. พิจารณาการ์ด MicroSD ประเภท High/Max/Pro Endurance เป็นอันดับแรก เนื่องจากการ์ดประเภทดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องและการเขียนทับข้อมูล ทำให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างเสถียรมากขึ้น
2. การ์ด SD ทั่วไป ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับกล้องดิจิตอลและอาจไม่เหมาะที่จะใช้งานในลักษณะที่มีการบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา จึงไม่แนะนำให้ใช้งานร่วมกับกล้องติดรถยนต์, กล้องวงจรปิด, หรือระบบรักษาความปลอดภัย
3. ความจุของหน่วยความจำที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของกล้องวงจรปิดและเวอร์ชันของอุปกรณ์ สำหรับรายละเอียดความจุของการ์ดที่อุปกรณ์นั้น ๆ รองรับสามารถดูได้ที่หน้าคุณสมบัติสินค้าบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเรา

*ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง Speed Class ของการ์ด MicroSD ในแต่ละระดับ

เคล็ดลับในการเลือกซื้อ:

• โปรดแน่ใจว่าท่านได้ซื้อสินค้าจาก ตัวแทนจำหน่าย ของผู้ผลิตการ์ด หลีกเลี่ยงการซื้อการ์ดหน่วยความจำ ที่มีราคาถูกกว่าที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป และไม่ควรซื้อการ์ดหน่วยความจำมือสองหรือมีตำหนิ
• เนื่องจากคุณภาพของการ์ด MicroSD มีหลากหลาย เราไม่สามารถการันตีได้ว่าการ์ด MicroSD ที่คุณซื้อมาจะรองรับการใช้งานร่วมกับกล้อง Tapo/Kasa ได้ 100% เราจึงแนะนำให้ท่านทดสอบการ์ด MicroSD ทันทีที่คุณซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจพบจากการใช้การ์ดหน่วยความจำที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานกล้อง ในการตรวจสอบการ์ด MicroSD ปลอม ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อ วิธีตรวจสอบการ์ด MicoSD ปลอม
• ให้ความสนใจเกี่ยวกับ ช่วงของอุณหภูมิที่การ์ด MicroSD สามารถทำงานได้ โดยท่านสามารถดูข้อมูลในส่วนดังกล่าวได้ที่หน้ารายละเอียดของสินค้าบนเว็บไซต์ของผู้จำหน่าย
• การ์ด MicroSD มีอายุขัยในการอ่านและเขียนข้อมูล ควรมีการเปลี่ยนการ์ด MicroSD ใหม่ทุก 2-3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเลือกใช้งานการ์ด MicroSD ประเภท High/Max Endurance ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับกล้องวงจรปิดหรือกล้องติดรถยนต์โดยเฉพาะ เพื่อให้กล้องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• จากการทดสอบของเราพบว่า ADATA (256 GB, A1, V10, SDXC1) และ Samsung (256 GB, EVO plus U3, V30, A2, SDXC1) ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับกล้อง Tapo/Kasa ทุกรุ่น

วิธีตรวจสอบการ์ด MicroSD ปลอม

การ์ด MicroSD ปลอมคืออะไร?

การ์ดหน่วยความจำปลอมที่พบเห็นทั่วไปมักจะระบุขนาดหน่วยความจำสูงเกินกว่าที่สามารถใช้งานได้จริง โดยใช้วิธีการและเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้การ์ดแสดงผลขนาดหน่วยความจำที่สูงมากกว่าความเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น การ์ดหน่วยความจำขนาด 32GB ที่มีการแสดงผลว่าสามารถใช้งานได้ 128GB บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ การ์ดหน่วยความจำประเภทนี้มักจะวางจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าที่ขายกันทั่วไปเป็นอย่างมาก และเนื่องจากอุปกรณ์มีการดัดแปลงให้มีการแสดงความจุที่มากกว่าความเป็นจริง ทำให้พื้นที่จัดเก็บส่วนที่เกินมาจะไม่สามารถใช้งานได้จริง ส่งผลให้ไฟล์ที่มีการบันทึกลงไปเกิดความเสียหายและไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ กล้องของเราจะทำการตรวจพบการ์ดหน่วยความจำและฟอร์แมตการ์ดในรูปแบบ Fat32 จากนั้นจะสร้างดัชนีเพื่อบันทึกข้อมูลวิดีโอของคุณ  กระบวนการนี้จะทำการอ่านและเขียนพื้นที่หน่วยความจำทั้งหมดและตรวจสอบว่าข้อมูลที่บันทึกลงไปถูกต้อง หากการ์ดของคุณถูกดัดแปลงจะไม่สามารถฟอร์แมตหน่วยความจำได้สำเร็จ และไม่สามารถใช้งานกับกล้องได้ตามปกติ อุปกรณ์จะไม่รองรับการ์ดเนื่องจากอุปกรณ์จะเป็นต้องมีการทำงานได้อย่างเสถียรอยู่ตลอดเวลา และข้อมูลที่มีการบันทึกจากกล้องนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงเป็นเรื่องใหญ่หากเกิดปัญหาข้อมูลสูญหายหรือปัญหาเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลลงในการ์ดของคุณ

ชนิดของการ์ด MicroSD ปลอม

การ์ดหน่วยความจำปลอมไม่เพียงจะมีการปลอมแปลงขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ยังมีการปลอมแปลงในอีกหลายรูปแบบ ดังที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้:

1. มีความเร็วในการอ่าน / เขียนข้อมูลน้อยกว่าที่ระบุ: ยกตัวอย่างเช่น คุณซื้อการ์ดหน่วยความจำที่ระบุข้อมูลว่า “maximum 95 MB/s read and 90 MB/s write speed” และมีฉลาก “V30” ที่จะแจ้งให้ทราบว่าความเร็วในการเขียนข้อมูลขั้นต่ำที่ 30 MB/s แต่เมื่อใช้งานจริงคุณได้รับความเร็วในการเขียนข้อมูลเพียง 5-10 MB/s เท่านั้น
2. ขนาดความจุน้อยกว่าที่ระบุ: การ์ดหน่วยความจำมีการแสดงข้อมูลพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่เมื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์, กล้อง, หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ในขณะที่ภายในอุปกรณ์มีพื้นที่หน่วยความจำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้เกิดจากไมโครชิพ (ส่วนประกอบขนาดเล็กที่อยู่ในการ์ดหน่วยความจำ ทำหน้าที่รายงานจำนวนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่) ที่อยู่ภายในการ์ดมีการตั้งโปรแกรมให้รายงานขนาดพื้นที่ที่แตกต่างจากความเป็นจริงไปยังโฮสต์ เมื่อมีการใช้งานจริง ข้อมูลที่ถูกบันทึกลงไปจะสูญหายอย่างแน่นอน จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้งานการ์ดประเภทนี้
3. ปลอมแปลงยี่ห้อสินค้า: การ์ดหน่วยความจำบางตัวมีการติดชื่อแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปตามท้องตลาด และจำหน่ายในราคาสูงเทียบเท่ากับของจริง แต่ผลิตจากวัสดุที่มีราคาถูกจากผู้ผลิตที่ไม่เป็นที่รู้จัก การ์ดหน่วยความจำประเภทนี้ค่อนข้างยากในการตรวจสอบ จึงต้องติดต่อผู้ผลิตเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์โดยใช้ซีเรียลนัมเบอร์ของอุปกรณ์ ในเบื้องต้นคุณสามารถตรวจสอบจากรีวิวผู้ซื้อสินค้าบนร้านค้าออนไลน์หรือเลือกซื้อผ่านร้านค้าที่น่าเชื่อถือและเป็นตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์นั้น ๆ โดยตรง
4. มีขนาดความจุที่ไม่สมจริง: เป็นการ์ดหน่วยความจำที่มีการระบุโฆษณาว่ามีขนาดพื้นที่จัดเก็บที่สูงเกินที่จะสามารถเป็นไปได้ เช่น หากคุณค้นหาการ์ด MicroSD บนร้านค้าออนไลน์ คุณจะพบการ์ดที่มีความจุสูงถึง 2TB ซึ่งยังไม่มีให้ใช้งานจริง
5. หลอกลวง / ไม่สามารถใช้งานได้: การ์ดหน่วยความจำตัวมีการจำหน่ายในราคาที่ต่ำมากเกินไปในชื่อของผู้ผลิตที่ไม่เป็นที่รู้จัก และอาจไม่สามารถใช้งานได้เลย

ปัญหาที่พบจากการใช้การ์ด MicroSD ปลอม

ปัญหาที่อาจพบเมื่อใช้งานการ์ดหน่วยความจำปลอม สามารถพบได้ตั้งแต่ ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่ต่ำมาก ไปจนถึงข้อมูลสูญหายและการใช้งานที่ไม่เสถียร ในช่วงแรกที่ท่านใช้งานอาจไม่พบปัญหาใด ๆ แต่เมื่อคุณใช้งานไปสักระยะจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน ส่งผลให้เกิดความเสียหายของข้อมูลตามมา

วิธีตรวจสอบการ์ด MicroSD

หากคุณได้ทำการซื้อการ์ดหน่วยความจำเรียบร้อยแล้ว มีบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อทดสอบว่าการ์ดที่คุณซื้อมานั้นเป็นของปลอมหรือไม่ โดย

1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของการ์ดหน่วยความจำ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์ของการ์ดหน่วยความจำมีข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เช่น ข้อมูลจำเพาะและความเร็วของการ์ด ตลอดจนฉลากสินค้า ข้อมูลการรับประกัน และรหัสสินค้าที่ถูกต้อง โดยท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลกับผู้ผลิตได้โดยตรง
2. ตรวจสอบการ์ดหน่วยความจำกับด้วยโปรแกรมทดสอบ: เพื่อให้แน่ใจว่าการ์ดหน่วยความจำที่คุณได้รับมีรูปแบบที่ตรงกับที่ระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ คุณสามารถตรวจสอบว่าความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลตรงตามความเร็วที่ระบุโดยใช้ซอฟต์แวร์ H2testw ที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ (หรือใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “F3” บน Mac OS และแอปพลิเคชัน "SD Insight" บนอุปกรณ์แอนดรอยด์) ในการทดสอบ โปรแกรมจะแสดงขนาดความจุและความเร็วในการอ่าน/เขียนของการ์ดจริงให้คุณทราบ

หากการ์ดหน่วยความจำที่ทดสอบเป็นของปลอม โปรแกรมจะรายงานข้อผิดพลาดและแสดงขนาดพื้นที่และความเร็วในการอ่าน/เขียนจริงที่การ์ดสามารถทำได้

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด

หมายเหตุ:

1. ระยะเวลาในการบันทึกตามข้อมูลในตารางด้านล่างคำนวณจากอัตราบิตเรทเฉลี่ยที่วัดจากการทดสอบ ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลจริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความซับซ้อนของภาพ, สัดส่วนของฉากไดนามิก, การตั้งค่าอัตราเฟรมเรต, และความละเอียดที่รองรับของกล้องรุ่นนั้น ๆ
2. เมื่อเปิดใช้งานการบันทึกข้อมูลวนทับ การ์ด MicroSD จะทำการเขียนทับข้อมูลวิดีโอที่เก่าที่สุดโดยอัตโนมัติเมื่อการ์ดเต็ม